คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556




วันที่ 22 พฤศจิกายน  2556
วิชา  การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
เวลา 11.30 - 14.00 น.

บันทึกการเรียน  ครั้งที่  3

4.เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ ( Children with Physical and Health Impairment )
     หมายถึง  เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป มีปัญหาทางระบบประสาท มีความลำบากในการเคลื่อนไหว  จำแนกได้เป็น 2 ประเภท  คือ
- อาการบกพร่องทางร่างกาย
- ความบกพร่องทางสุขภาพ

       1.อาการบกพร่องทางร่างกาย
1.1. พี.ซี. Cerebral Palsy
1.2. กล้ามเนื้ออ่อนแรง Muscular Distrophy
1.3. โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ Orthopedic 
1.4. โปลิโอ Poliomyelitis 

        2.บกพร่องทางสุขภาพ
2.1. โรคลมชัก Epilepsy
       - ลมบ้าหมู Grand Mal
       - การชักในช่วงเวลาสั้นๆ Petit Mal
       - การชักแบบรุนแรง  Grand Mal
       - อาการชักแบบ Partial Complex
       - อาการไม่รู้ตัว  Facal Partial
2.2. โรคระบบทางเดินหายใจ
2.3. โรคเบาหวาน  Diabetes mellitus
2.4. โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์  Rheumatoid  arthritis
2.5. โรคศีรษะโต  Hydrocephalus
2.6. โรคหัวใจ  Cardiac Conditions
2.7. โรคมะเร็ง  Cancer
2.8. เลือดไหลไม่หยุด  Hemophilia

5.เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา ( Childen with Speech and Language Disorders)
     หมายถึง  เด็กที่พูดไม่ชัด  ออกเสียงผิดเพี้ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้นการใช้อวัยวะเพื่อการพูดไม่เป็นดังตั้งใจ มีอากัปกิริยาที่ผิดปกติขณะพูด

1.ความผิดปกติด้านการออกเสียง
2.ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
3.ความผิดปกติด้านเสียง
4.ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า Dysphasia หรือ aphasia
      - Motor aphasia
      - Wernicke's aphasia
      - Conduction aphasia
      - Nomial aphasia
      - Global aphasia
      - Sensory agrphia    
      - Motor agrphia  
      - Certical alexia
      - Motor  alexia
      - Gerstmann's syndrome
      - Visual  agnosia
      - Auditory  agnosia



วันที่ 15 พฤศจิกายน  2556
วิชา  การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
เวลา 11.30 - 14.00 น.

บันทึกการเรียน  ครั้งที่  2

          เด็กที่มีความต้องการพิเศษ
ความหมาย

1.ทางการแพทย์  มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า  "เด็กพิการ" คือเด็กที่มีความบกพร่อง  มีความผิดปกติ สูญเสียสมรรถภาพ  อาจเป็นความผิดปกติความบกพร่องทางร่างกาย
2.ทางการศึกษา  เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง  ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตร  กระบวนการที่ใช้  และประเมินผล

     สรุปได้ว่าเด็กที่มีความต้องการพิเศษหมายถึง
- เด็กที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถเท่าที่ควรจากการให้การช่วยเหลือ และการสอนตามปกติ
- มีสาเหตุมาจากความบกพร่องทางร่างกาย  สติปัญญา  และอารมณ์
- จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น  ช่วยเหลือ  บำบัด  ฟื้นฟู
- จัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับลักษณะที่มีความต้องการของเด็กแต่ล่ะคน

     ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง 
     - มีความเป็นเลิศทางสติปัญญา  เรียกโดยทั่วๆไปว่า "เด็กปัญญาเลิศ"
2.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
     กระทรวงศึกษาธิการได้แบ่งออกเป็น 9 ประเภท
     - เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
     -เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
     -เด็กบกพร่องทางการเห็น
     -เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
     -เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
     - เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
     -เด็กบกพร่องทางการเรียนรู้
     -เด็กออทิสติก
     -เด็กพิการซ้ำซ้อน

1.เด็กบกพร่องทางสติปัญญา (Children with Intellectual Disabilies)
   หมายถึง  เด็กที่มีระดับสติปัญญา หรือเชาว์ปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์ เฉลี่ยเมื่อเทียบกับเด็กในระดับอายุเดียวกัน มี 2 กลุ่ม คือ
- เด็กเรียนช้า
- เด็กปัญญาอ่อน

2.เด็กบกพร่องทางการได้ยิน ( Chidren with Hearing Impired )
   หมายถึง  เด็กที่มีความบกพร่อง  หรือสูญเสียทางการได้ยิน  เป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่างๆได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ
- เด็กหูตึง
- เด็กหูหนวก

3.เด็กบกพร่องทางการมองเห็น ( Children with Visval Impirments )
    หมายถึง เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเลือนราง  มีความบกพร่องทางสายตาทั้ง 2 ข้าง  สามารถเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ  มีสายตากว้างไม่เกิน 30 องศา (คนปกติ 120 องศา) จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ตาบอด
- ตาบอดไม่สนิท



วันที่ 8 พฤศจิกายน  2556
วิชา  การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
เวลา 11.30 - 14.00 น.

บันทึกการเรียน  ครั้งที่  1

- อาจารย์อธิบายถึงวิชาที่เรียนและเรื่องที่จะเรียนเกี่ยวกับวิชานี้
- อาจารย์ให้ออกความคิดเห็นและข้อตกลงในการเรียนวิชานี้
- อาจารย์ให้นักศึกษาทำแผนผังความคิด เกี่ยวกับความรู้เดิมที่นักศึกษามีเกี่ยวกับเด็กพิเศษว่ามีลักษณะยังไง


แผนผังความคิด