คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556



วันที่ 29 พฤศจิกายน  2556
วิชา  การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
เวลา 11.30 - 14.00 น.


บันทึกการเรียน  ครั้งที่ 4

6.เด็กที่บกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ ( Children with Behaviord and Emotional Diesorders )
     หมายถึง  เด็กที่มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินานๆไม่ได้ เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตัวเองไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย

แบ่งได้ 2 ประเภท
- เด็กที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ (*ร้ายแรง)
- เด็กที่ปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้ (*ครูยังสอนได้)

เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก 
- เด็กสมาธิสั้น Children with Attention Deficit and Hyperactivity Disorders  (ADHD)
- เด็กออทิสติก Autistic หรือ ออทิสซึ่ม Autism 

7.เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ Children with Learning Disabilites (LD)
     หมายถึง  เด็ก LD มี IQ เท่ากับเด็กปกติทั่วไป เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง เด็กมีปัญหาทางการใช้ภาษา หรือ พูด การเขียน ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย

8.เด็กออทิสติก   Autistic (ไม่พูดจา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว)
     หมายถึง หรือ ออทิสซึ่ม Autism เด็กที่มีความบกพร่องอย่างรุนแรงในการสื่อความหมายพฤติกรรม สังคม และ ความสามารถทางสติปัญญาในการรับรู้ เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต

9.เด็กพิการซ้อน  Children with Multiple Handicaps
     หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่า 1 อย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก เช่น เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด เด็กที่หูหนวกและตาบอด


กิจกรรม

-อาจารย์ให้ดูโทรทัศน์ครู  ผลิบานผ่านมือครู  ตอน ห้องเรียนแรกของเด็กพิเศษ
-อาจารย์ให้สรุปองค์ความรู้ 

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556




วันที่ 22 พฤศจิกายน  2556
วิชา  การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
เวลา 11.30 - 14.00 น.

บันทึกการเรียน  ครั้งที่  3

4.เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ ( Children with Physical and Health Impairment )
     หมายถึง  เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป มีปัญหาทางระบบประสาท มีความลำบากในการเคลื่อนไหว  จำแนกได้เป็น 2 ประเภท  คือ
- อาการบกพร่องทางร่างกาย
- ความบกพร่องทางสุขภาพ

       1.อาการบกพร่องทางร่างกาย
1.1. พี.ซี. Cerebral Palsy
1.2. กล้ามเนื้ออ่อนแรง Muscular Distrophy
1.3. โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ Orthopedic 
1.4. โปลิโอ Poliomyelitis 

        2.บกพร่องทางสุขภาพ
2.1. โรคลมชัก Epilepsy
       - ลมบ้าหมู Grand Mal
       - การชักในช่วงเวลาสั้นๆ Petit Mal
       - การชักแบบรุนแรง  Grand Mal
       - อาการชักแบบ Partial Complex
       - อาการไม่รู้ตัว  Facal Partial
2.2. โรคระบบทางเดินหายใจ
2.3. โรคเบาหวาน  Diabetes mellitus
2.4. โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์  Rheumatoid  arthritis
2.5. โรคศีรษะโต  Hydrocephalus
2.6. โรคหัวใจ  Cardiac Conditions
2.7. โรคมะเร็ง  Cancer
2.8. เลือดไหลไม่หยุด  Hemophilia

5.เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา ( Childen with Speech and Language Disorders)
     หมายถึง  เด็กที่พูดไม่ชัด  ออกเสียงผิดเพี้ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้นการใช้อวัยวะเพื่อการพูดไม่เป็นดังตั้งใจ มีอากัปกิริยาที่ผิดปกติขณะพูด

1.ความผิดปกติด้านการออกเสียง
2.ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
3.ความผิดปกติด้านเสียง
4.ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า Dysphasia หรือ aphasia
      - Motor aphasia
      - Wernicke's aphasia
      - Conduction aphasia
      - Nomial aphasia
      - Global aphasia
      - Sensory agrphia    
      - Motor agrphia  
      - Certical alexia
      - Motor  alexia
      - Gerstmann's syndrome
      - Visual  agnosia
      - Auditory  agnosia



วันที่ 15 พฤศจิกายน  2556
วิชา  การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
เวลา 11.30 - 14.00 น.

บันทึกการเรียน  ครั้งที่  2

          เด็กที่มีความต้องการพิเศษ
ความหมาย

1.ทางการแพทย์  มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า  "เด็กพิการ" คือเด็กที่มีความบกพร่อง  มีความผิดปกติ สูญเสียสมรรถภาพ  อาจเป็นความผิดปกติความบกพร่องทางร่างกาย
2.ทางการศึกษา  เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง  ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตร  กระบวนการที่ใช้  และประเมินผล

     สรุปได้ว่าเด็กที่มีความต้องการพิเศษหมายถึง
- เด็กที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถเท่าที่ควรจากการให้การช่วยเหลือ และการสอนตามปกติ
- มีสาเหตุมาจากความบกพร่องทางร่างกาย  สติปัญญา  และอารมณ์
- จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น  ช่วยเหลือ  บำบัด  ฟื้นฟู
- จัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับลักษณะที่มีความต้องการของเด็กแต่ล่ะคน

     ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง 
     - มีความเป็นเลิศทางสติปัญญา  เรียกโดยทั่วๆไปว่า "เด็กปัญญาเลิศ"
2.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
     กระทรวงศึกษาธิการได้แบ่งออกเป็น 9 ประเภท
     - เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
     -เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
     -เด็กบกพร่องทางการเห็น
     -เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
     -เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
     - เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
     -เด็กบกพร่องทางการเรียนรู้
     -เด็กออทิสติก
     -เด็กพิการซ้ำซ้อน

1.เด็กบกพร่องทางสติปัญญา (Children with Intellectual Disabilies)
   หมายถึง  เด็กที่มีระดับสติปัญญา หรือเชาว์ปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์ เฉลี่ยเมื่อเทียบกับเด็กในระดับอายุเดียวกัน มี 2 กลุ่ม คือ
- เด็กเรียนช้า
- เด็กปัญญาอ่อน

2.เด็กบกพร่องทางการได้ยิน ( Chidren with Hearing Impired )
   หมายถึง  เด็กที่มีความบกพร่อง  หรือสูญเสียทางการได้ยิน  เป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่างๆได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ
- เด็กหูตึง
- เด็กหูหนวก

3.เด็กบกพร่องทางการมองเห็น ( Children with Visval Impirments )
    หมายถึง เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเลือนราง  มีความบกพร่องทางสายตาทั้ง 2 ข้าง  สามารถเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ  มีสายตากว้างไม่เกิน 30 องศา (คนปกติ 120 องศา) จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ตาบอด
- ตาบอดไม่สนิท



วันที่ 8 พฤศจิกายน  2556
วิชา  การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
เวลา 11.30 - 14.00 น.

บันทึกการเรียน  ครั้งที่  1

- อาจารย์อธิบายถึงวิชาที่เรียนและเรื่องที่จะเรียนเกี่ยวกับวิชานี้
- อาจารย์ให้ออกความคิดเห็นและข้อตกลงในการเรียนวิชานี้
- อาจารย์ให้นักศึกษาทำแผนผังความคิด เกี่ยวกับความรู้เดิมที่นักศึกษามีเกี่ยวกับเด็กพิเศษว่ามีลักษณะยังไง


แผนผังความคิด